มิลาน หรือ เอซี มิลาน สโมสรฟุตบอลที่ได้รับฉายาจากสื่อไทยว่า “ปีศาจแดง-ดำ” เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในเมืองมิลาน แคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1899 และ เป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในวงการฟุตบอล แทงบอล KUBET ของยุโรปและของโลก อีกทั้ง ยังเป็นหนึ่งในทีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอิตาลี เช่นเดียวกับ ยูเวนตุส และอินเตอร์ นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกของกลุ่ม จี-14 ซึ่งเป็นกลุ่มของสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปอีกด้วย
เอซี มิลาน ใช้สนาม ซานซีโร หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สตาดีโอ จูเซ็ปเป เมอัซซา เป็นสนามที่ใช้ในการเล่นในฐานะเจ้าบ้าน ร่วมกับทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างอินเตอร์
ประวัติความเป็นมา
สโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ.1899 โดยการก่อตั้งใหม่ ๆ ของคลับแห่งนี้เน้นไปที่ คริกเกต มากกว่า และเมื่อข่าวได้แพร่กระจายออกไปก็ได้มีผู้ให้การสนับสนุนฟุตบอลมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมี อัลเฟรด เอ็ดเวิร์ดส์ ที่ได้ทำหน้าที่เป็นประธานสโมสรเป็นคนแรก หลังจากที่ได้ไปทำการขึ้นทะเบียนกับสหภาพฟุตบอลอิตาเลียนแล้ว ทีมก็ได้เข้าร่วมชิงชัยในฟุตบอล รวมทั้งได้เริ่มสร้างสนามเพื่อใช้ในการเป็นเจ้าบ้าน ซึ่ง การสร้างสนามนี้ได้ถูกสร้างในบริเวณทรอตเตอร์ ซึ่งปัจจุบัน คือ สถานีรถไฟกลางนั่นเอง
ในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ.1900 ทางสโมสรได้ทำการแข่งขันเป็นนัดแรก โดยแข่งกับ ทีมเมดิโอลานุม และ มิลาน ได้เอาชนะไปได้ถึง 3 – 0 ซึ่งผู้เล่น 11 คนแรกของสโมสรประกอบไปด้วย ฮู้ด ชิญญากี ตอร์เรตต้า ลีส์ คิลปิน วาเลริโอ ดูบินี เดวีส์ เนวิลล์ อัลลิสัน ฟอร์เมนติ โดยในขณะนั้น เฮอร์เบิร์ต คิลปิน เป็นทั้งหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสโมสรและเป็นกัปตันทีมฟุตบอล อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมในขณะนั้น แต่ทว่าการแข่งขันอย่างเป็นทางการจริง ๆ มิลานกลับแพ้โตริโน 0-3 เมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1900
ทางสโมสรได้มีการเปลี่ยนชื่อมาตลอด โดยเริ่มจากปี ค.ศ.1919 เปลี่ยนชื่อเป็น “Milan Football Club” จากนั้นในปี ค.ศ. 1936 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Milan Associazione Sportiva” ต่อมาในปี ค.ศ. 1938 เปลี่ยนมาเป็น “Associazione Calcio Milano” สุดท้ายเปลี่ยนมาเป็น “Associazione Calcio Milan” ในปี ค.ศ. 1945 ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้
สีเสื้อประจำทีม
เอซี มิลาน ใช้สีแดง-ดำ เป็นสีประจำทีม
ฉายาของทีม
ได้รับฉายาจากไทยว่า “ปีศาจแดง-ดำ”
สนามเหย้าของทีม
สนามซานซีโร เป็นสนามเหย้าของสโมสร เอซี มิลาน ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1925 และได้เปิดใช้บริการเมื่อวันที่ 19 กันยายน ค.ศ.1926 หรือ พ.ศ. 2469 โดยที่สนามมีขนาด 105m x 68m ความจุทั้งหมด 82,955 ที่นั่ง ในปี ค.ศ.2016 (พ.ศ. 2559 สนาม ซาน ซีโร่ ถูกใช้ให้เป็นสนามนัดชิงชนะเลิศในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
เกียรติประวัติของทีม
ระดับประเทศ
🔱 เซเรียอา ชนะเลิศ : 1901, 1906, 1907, 1950–51, 1954–55, 1956–57, 1958–59, 1961–62, 1967–68, 1978–79, 1987–88, 1991–92, 1992–93, 1993–94, 1995–96, 1998–99, 2003–04, 2010–11
🔱 โกปปาอีตาเลีย ชนะเลิศ : 1966–67, 1971–72, 1972–73, 1976–77, 2002–03
🔱 ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา ชนะเลิศ : 1988, 1992, 1993, 1994, 2004, 2011, 2016
🔱 เซเรียบี ชนะเลิศ : 1980–81, 1982–83
🔱 ระดับทวีปยุโรป
🔱 ยูโรเปียนคัพ/ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ชนะเลิศ : 1962–63, 1968–69, 1988–89, 1989–90, 1993–94, 2002–03, 2006–07
🔱 ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ชนะเลิศ : 1967–68, 1972–73
🔱 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ ชนะเลิศ : 1989, 1990, 1994, 2003, 2007
🔱 ระดับโลก
🔱 อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ ชนะเลิศ : 1969, 1989, 1990
🔱 ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ ชนะเลิศ : 2007
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
เบอร์เสื้อ | นักเตะ | ตำแหน่ง | สัญชาติ | อายุ |
ผู้รักษาประตู | ||||
99 | จานลุยจิ ดอนนารุมม่า | ผู้รักษาประตู | อิตาลี | 21 |
1 | ชีเปรียน ทาทารูซานู | ผู้รักษาประตู | โรมาเนีย | 35 |
90 | อันโตนิโอ ดอนนารุมม่า | ผู้รักษาประตู | อิตาลี | 30 |
กองหลัง | ||||
19 | ธีโอ เอร์นานเดซ | เซ็นเตอร์แบ็ค | อิตาลี | 23 |
23 | ฟิกาโย โทโมรี | เซ็นเตอร์แบ็ค | อังกฤษ | 23 |
13 | อเลสซิโอ โรมันโญลี่ | เซ็นเตอร์แบ็ค | อิตาลี | 26 |
20 | ปิแอร์ กาลูลู | เซ็นเตอร์แบ็ค | อิตาลี | 20 |
46 | มัตเตโอ กับเบีย | เซ็นเตอร์แบ็ค | อิตาลี | 21 |
24 | ซิมอน เคียร์ | เซ็นเตอร์แบ็ค | เดนมาร์ก | 31 |
5 | ดิโอโก้ ดาโลต์ | แบ็คขวา | โปรตุเกส | 21 |
2 | ดาวิเด้ คาลาเบรีย | แบ็คขวา | อิตาลี | 24 |
กองกลาง | ||||
8 | ซานโดร โตนาลี่ | มิดฟิลด์ตัวรับ | อิตาลี | 20 |
4 | อิสมาเอล เบนนาเซอร์ | มิดฟิลด์ตัวรับ | แอลจีเรีย | 23 |
18 | ซัวลิโญ่ เมอิเต้ | มิดฟิลด์ตัวกลาง | ฝรั่งเศส | 26 |
33 | ราเด้ ครูนิช | มิดฟิลด์ตัวกลาง | บอสเนีย | 27 |
79 | ฟร้องค์ เคสซี่ | มิดฟิลด์ตัวกลาง | โกตดิวัวร์ | 24 |
15 | เจนส์ เพตเตอร์ ฮาวก์ | ปีกซ้าย | นอร์เวย์ | 21 |
12 | อันเต้ เรบิช | ปีกซ้าย | โครเอเชีย | 27 |
21 | บราฮิม ดิอาซ | มิดฟิลด์ตัวรุก | สเปน | 21 |
10 | ฮาคาน คัลฮาโนกลู | มิดฟิลด์ตัวรุก | ตุรกี | 27 |
27 | ดาเนียล มัลดินี่ | มิดฟิลด์ตัวรุก | อิตาลี | 19 |
7 | ซามูเอล กาสตีเยโฆ่ | ปีกขวา | สเปน | 26 |
56 | อเล็กซิส ซาเลอมาแกร์ส | ปีกขวา | เบลเยียม | 21 |
กองหน้า | ||||
11 | ซลาตัน อิบราฮิโมวิช | กองหน้าตัวเป้า | สวีเดน | 39 |
17 | ราฟาเอล เลเอา | กองหน้าตัวเป้า | โปรตุเกส | 21 |
9 | มาริโอ มานด์ซูคิช | กองหน้าตัวเป้า | โครเอเชีย | 34 |
ผู้สนับสนุนหน้าอกเสื้อ
เอซี มิลาน เริ่มมีสปอนเซอร์ติดหน้าอกเสื้ออย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 ซึ่งรายชื่อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อของมิลาน มีดังต่อไปนี้
🔱 ปี 1981 – 1982 Phooh Jeans
🔱 ปี 1982 – 1983 Hitachi
🔱 ปี 1983 – 1984 Olio Cuore
🔱 ปี 1984 Rete 4
🔱 ปี 1984 – 1985 Oscar Mondadori
🔱 ปี 1985 – 1987 Fotorex U-Bix
🔱 ปี 1987 – 1992 Mediolanum
🔱 ปี 1992- 1994 Motta
🔱 ปี 1994 – 2006Opel
🔱 ปี 2006 – 2010 Bwin
🔱 ปี 2010-2020 Fly Emirates
ผู้สนับสนุนชุดแข่งขัน
เอซี มิลาน เริ่มมีผู้สนับสนุนชุดแข่งขันอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 โดยรายชื่อดังต่อไปนี้
🔱 ปี 1978 – 1979 Adidas
🔱 ปี 1979 – 1980 Adidas – Linea Milan
🔱 ปี 1980 – 1982 Linea Milan
🔱 ปี 1982 – 1984 NR
🔱 ปี 1984 – 1985 Rolly Go
🔱 ปี 1985 – 1986 Gianni Rivera
🔱 ปี 1986 – 1990 Kappa
🔱 ปี 1990 – 1993 Adidas
🔱 ปี 1993 – 1998 Lotto
🔱 ปี 1998 – 2018 Adidas
🔱 ปี 2018 – 2023 PUMA
ยุคสมัยของสโมสร
📍 ยุคเริ่มก่อตั้งถึงคริสต์ทศวรรษ 1940
ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคมืดของมิลาน โดยตลอดระยะเวลาครึ่งศตวรรษ มิลานได้แชมป์อิตาเลียน ฟุตบอล แชมเปียนส์ชิพ หรือกัลโช เซเรีย อา เพียงแค่ 3 สมัยเท่านั้น ในปี 1901, 1906 และ 1907 รองแชมป์ 2 ครั้ง ในปี 1902 และ 1948, รองแชมป์โกปปาอีตาเลีย 1 ครั้ง ในปี 1942 โดยแพ้ให้กับยูเวนตุส นอกจากนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย
📍 ยุคคริสต์ทศวรรษ 1950
ยุคนี้เป็นยุคที่ได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา ถึง 4 สมัย ในปี 1951, 1955, 1957 และ 1959 รองแชมป์อีก 3 ครั้ง ในปี 1950, 1952 และ 1956 ส่วนในระดับทวีปนั้น มิลานได้เข้าชิงยูโรเปียน คัพ ในปี 1958 แต่แพ้ต่อเรอัลมาดริด ยอดทีมในยุคนั้นไป 2-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
📍 ยุคคริสต์ทศวรรษ 1960
ถือได้ว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองของมิลานอีกยุคหนึ่งเลยทีเดียว โดยที่มิลานได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา 2 สมัย ในปี 1962 และ 1968 รองแชมป์อีก 3 ครั้ง ในปี 1961, 1965 และ 1969, แชมป์โกปปาอีตาเลีย 1 สมัย ในปี 1967 ที่เอาชนะปาโดวา รองแชมป์อีก 1 ครั้ง ในปี 1968 ที่แพ้ต่อโตรีโน, แชมป์ยูโรเปียน คัพ 2 สมัย ในปี 1963 ที่เอาชนะเบนฟิกา ของ”เสือดำแห่งโมซัมบิก” ยูเซบิโอ ไป 2-1 และปี 1969 ที่ถล่มอาแจ็กซ์ ของ”นักเตะเทวดา” โยฮัน ครัฟฟ์ ไปถึง 4-1, แชมป์ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย ในปี 1968 ที่เอาชนะฮัมบวร์ค และได้แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย โดยเอาชนะเอสตูเดียนเตส ในปี 1969 รองแชมป์อีก 1 ครั้ง ในปี 1963 ที่พ่ายต่อซานโตส ของ”ไข่มุกดำ” เปเล
📍 คริสต์ทศวรรษ 1970
ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคที่ประคองตัวโดยมิลานได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา เพียงแค่ 1 สมัย ในปี 1979 รองแชมป์ 3 ครั้งติดต่อกัน ในปี 1971, 1972 และ 1973, แชมป์โกปปาอีตาเลีย 3 สมัย ในปี 1972, 1973 และ 1977 ที่ชนะนาโปลี, ยูเวนตุส และอินเตอร์ ตามลำดับ รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1971 ที่แพ้ต่อโตรีโน และในปี 1975 ที่แพ้ต่อฟิออเรนตินา, แชมป์ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย ในปี 1973 ที่เอาชนะลีดส์ และรองแชมป์ 1 ครั้ง ในปี 1974 ที่แพ้ต่อมักเดบวร์ก นอกจากนี้ ยังได้รองแชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง ในปี 1973 โดยที่นัดแรกเล่นในบ้าน เอาชนะอาแจ็กซ์ได้ 1-0 แต่พอไปเยือนกลับโดนอัดกลับมาถึง 6-0 ชวดแชมป์ไปอย่างเจ็บปวด
📍 คริสต์ทศวรรษ 1980
ช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดของสโมสร ซึ่งมิลานได้ถูกปรับตกชั้นไปในปี 1980 จากข้อหากับคดีการล้มบอลของประธานสโมสร เฟลิเซ โคลอมโบ และผู้รักษาประตูของทีมอย่างเอ็นริโก อัลแบร์โตซี ทำให้ทีมต้องลงเล่นในศึกกัลโช เซเรีย บี เป็นครั้งแรก ซึ่งถึงแม้ว่าจะคว้าแชมป์เซเรีย บี ได้ในทันที แต่เมื่อกลับคืนสู่เซเรีย อา ได้เพียงฤดูกาลเดียวก็ต้องตกชั้นอีก อย่างไรก็ตามมิลานก็สามารถกลับคืนสู่เซเรีย อา ในฐานะแชมป์เซเรีย บี อีกครั้ง ในปี 1983 แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ประธานสโมสร จูเซ็ปเป ฟารินา ได้พัวพันกับคดีทางกฎหมาย จนทำให้เขาตัดสินใจหนีไปอยู่ที่แอฟริกาใต้ พร้อมกับเอาเงินของสโมสรไปด้วย
ในช่วงนั้น มิลาน จึงถือได้ว่าอยู่ในช่วงของสภาพที่เกือบล้มละลาย แต่ในปี 1986 ทางสโมสรได้ถูกซิลวีโอ แบร์ลุสโกนีซึ่งเป็นมหาเศรษฐีเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ ก็ได้กลับมาสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง โดยที่มิลานได้แชมป์กัลโช เซเรีย อา 1 สมัย ในปี 1988, รองแชมป์โกปปาอีตาเลีย 1 ครั้ง ในปี 1985 ที่แพ้ต่อซามพ์โดเรีย, ได้แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย ในปี 1988 ที่ชนะซามพ์โดเรีย, แชมป์ยูโรเปียน คัพ 1 สมัย ในปี 1989 ที่ถล่มสเตอัว บูคาเรสต์ 4-0, แชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย ในปี 1989 ที่เอาชนะบาร์เซโลนา และได้แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย ในปี 1989 อีกเช่นกัน โดยเอาชนะแอตเลติโก นาซิอองนาล 1-0 โดยยอดผู้จัดการทีมของมิลานในยุคนี้คือ อาร์ริโก ซาคคี ปรมาจารย์ลูกหนัง ผู้ให้กำเนิดโซนเพรส (เพรสซิง ฟุตบอล)
📍 คริสต์ทศวรรษ 1990
ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคทองของสโมสรอย่างแท้จริง ซึ่งมิลานได้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก สามารถทำแชมป์ได้กัลโช เซเรีย อา ถึง 5 สมัย ซึ่งเป็น 3 สมัยติดต่อกันด้วย ในปี 1992, 1993 และ 1994 ซึ่งช่วงเวลานี้เอง ที่มิลานทำสถิติไร้พ่ายในลีกติดต่อกันถึง 58 นัด จากนั้นก็ยังได้แชมป์อีก 2 สมัย ในปี 1996 และ 1999 รองแชมป์ 2 ครั้งติดต่อกัน ในปี 1990 และ 1991, รองแชมป์โกปปาอีตาเลีย 2 ครั้ง ในปี 1990 ที่แพ้ยูเวนตุส และปี 1998 ที่แพ้ให้กับลาซีโอ, ได้แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ 3 สมัยติดต่อกัน ในปี 1992, 1993 และ 1994 ที่ชนะปาร์มา, โตรีโน และซามพ์โดเรีย ตามลำดับ รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1996 ที่พ่ายให้กับฟิออเรนตีนา และปี 1999 ที่พ่ายต่อปาร์มา
ส่วนในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มิลานได้แชมป์ 3 สมัย จากการเข้าชิง 5 ครั้ง ในรอบ 7 ปี โดยนอกจากปี 1989 แล้ว ในปี 1990 เอาชนะเบนฟิกาได้ 1-0 และปี 1994 ที่ถล่มบาร์เซโลนา ซึ่งถือเป็นดรีมทีมในช่วงนั้นไปเละเทะถึง 4-0 รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1993 ที่พ่ายต่อมาร์กเซย และปี 1995 ที่พ่ายต่ออาแจ็กซ์, แชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย ในปี 1990 ที่ชนะซามพ์โดเรีย และปี 1994 ที่ชนะอาร์เซนอล รองแชมป์ 1 ครั้ง ในปี 1993 ที่พ่ายปาร์มา นอกจากนี้ ยังได้แชมป์สโมสรโลกอีก 1 สมัย ในปี 1990 ที่เอาชนะโอลิมเปีย 3-0 รองแชมป์อีก 2 ครั้ง ในปี 1993 ที่แพ้ต่อเซา เปาโล และปี 1994 ที่แพ้ต่อเบเลซ ซาร์สฟิลด์
ยุคมิลเลนเนียมถึงปัจจุบัน
ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคที่ฟื้นฟูหลังจากที่ได้ตกต่ำไปในระยะหนึ่ง
📍 ฤดูกาล 1999 – 2000
มิลานได้อันดับที่ 3 ในศึกกัลป์โซเซเรียอา ในโกปปาอิตาเลีย ซึ่งตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยทีมได้พ่ายให้กับอินเตอร์ ส่วนในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ตกรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก
📍 ฤดูกาล 2000 – 2001
ฤดูกาลนี้ ได้อันดับที่ 6 ในกัลโช เซเรีย อา ในโกปปาอีตาเลีย ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายให้กับฟิออเรนตีนา ส่วนในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ตกรอบแบ่งกลุ่มรอบที่สอง
📍 ฤดูกาล 2001 – 2002
ในฤดูกาลนี้ ทางสโมสรได้ทำการแต่งตั้งคาร์โล อันเชลอตติ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีม และในฤดูกาลนี้ มิลานได้อันดับที่ 4 ในกัลโช เซเรีย อา ในโกปปาอีตาเลีย พ่ายให้กับยูเวนตุส ตกรอบรองชนะเลิศ ส่วนในยูฟ่า คัพ ก็ตกรอบรองชนะเลิศเช่นกัน โดยพ่ายให้กับดอร์ทมุนท์
📍 ฤดูกาล 2002 – 2003
ในฤดูกาลนี้ ได้อันดับที่ 3 ในกัลโช เซเรีย อา แต่ได้ดับเบิลแชมป์ คือ แชมป์โกปปาอีตาเลีย สมัยที่ 5 โดยเอาชนะโรมาได้ ส่วนในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เริ่มแข่งขันตั้งแต่รอบคัดเลือก รอบที่สาม และผ่านสโลวาน ริเบอเรช ไปได้อย่างหวุดหวิด ด้วยกฎการยิงประตูในฐานะทีมเยือน จากนั้นก็ผ่านได้ทั้งบาเยิร์น, ล็องส์, กอรุนญา, เรอัลมาดริด, ดอร์ทมุนท์, โลโกโมทีฟ มอสโก, อาแจ็กซ์ และอินเตอร์ ก่อนที่จะมาดวลจุดโทษเอาชนะยูเวนตุสได้ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์สมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ
📍 ฤดูกาล 2003 – 2004
ฤดูกาลนี้ เริ่มต้นด้วยการพ่ายให้กับยูเวนตุสด้วยการดวลจุดโทษ และโบคาในอิตาเลียนซูเปอร์คัพและสโมสรโลกตามลำดับ แต่ก็ยังสามารถได้แชมป์ยูโรเปียน ซูเปอร์ คัพ โดยเอาชนะปอร์โต คว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 4 แถมยังคว้าแชมป์กัลโช เซเรีย อา มาครองได้เป็นสมัยที่ 17 ส่วนในโกปปาอีตาเลีย แพ้ลาซีโอ ตกรอบรองชนะเลิศ และในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบช็อกโลก ในนัดที่ 2 ที่พ่ายต่อกอรุนญา
📍 ฤดูกาล 2004 – 2005
ยุคนี้ได้คว้าแชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ สมัยที่ 5 โดยได้เอาชนะลาซีโอ ในโกปปาอิตาเลียได้ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายให้กับอูดิเนเซ และได้ดับเบิ้ลรองแชมป์ในศึกกัลโช เซเรียอา และได้เกิดเหตุการที่ทำให้แฟนบอลช็อคอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่อตาเติร์ก เมื่อทีมได้ทำ 3 ประตูนำอยู่ในครึ่งแรก แต่ไม่สามารถที่จะทำให้มิลานคว้าแชมป์มาครองได้ โดยถูกลิเวอร์พูลยิง 3 ประตูตีเสมอ ด้วยเวลาเพียง 6 นาที และไปดวลจุดโทษเอาชนะมิลานได้ในที่สุด ทำให้มิลานต้องพลาดแชมป์ไปอย่างเจ็บปวด
📍 ฤดูกาล 2005 – 2006
ฤดูกาลนี้ ได้กลับมาเป็นรองแชมป์กัลโช เซเรีย อา อีกครั้ง (ตอนหลังโดนตัดแต้ม จากกรณีล็อกสเปคผู้ตัดสิน จนต้องหล่นลงมาอยู่อันดับที่ 3) ในโกปปาอีตาเลีย ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายให้กับปาแลร์โม ส่วนในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พ่ายต่อบาร์เซโลนา ในรอบรองชนะเลิศ
📍 ฤดูกาล 2006 – 2007
ฤดูกาลนี้ ในศึกกัลโช เซีเรีย อา เริ่มต้นด้วยการถูกตัดคะแนนไป 8 คะแนน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากกรณีที่ล็อกสเปคผู้ตัดสิน แต่ก็ยังไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ได้ ขณะที่ในโกปปาอีตาเลีย แพ้โรมา ตกรอบรองชนะเลิศ ส่วนในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มิลาน ต้องมาเริ่มต้นในรอบคัดเลือก รอบที่สาม และเอาชนะ เคอร์เวนา ซเวซดา ได้ ทำให้ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม จากนั้นก็ผ่านได้ทั้งเออีเค เอเธนส์, อันเดอร์เลชท์, ลีลล์, เซลติค, บาเยิร์น และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก่อนที่จะมาล้างแค้น เอาชนะลิเวอร์พูลได้ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์สมัยที่ 7 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยฝีเท้าอันเอกอุของกาก้าและพรรคพวก จากนั้นก็สามารถเอาชนะเซบีญา คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ สมัยที่ 5 มาครอง และปิดท้ายปี 2007 ด้วยการคว้าแชมป์สโมสรโลก ได้เป็นสมัยที่ 4 โดยแก้แค้นโบคาได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศ พร้อมกับส่งให้กาก้า คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2007 ในทุกสถาบัน
📍 ฤดูกาล 2007 – 2008
ฤดูกาลนี้ ในศึกกัลโช เซเรีย อา มิลานได้แค่อันดับที่ 5 ส่วนใน โกปปาอีตาเลีย และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้งสองรายการ โดยแพ้ให้กับ คาตาเนีย และ อาร์เซนอล ตามลำดับ
📍 ฤดูกาล 2008 – 2009
ฤดูกาลนี้ ในศึกกัลโช เซเรีย อา มิลานได้อันดับที่ 3 ส่วนใน โกปปาอีตาเลีย ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายให้กับ ลาซีโอ และในยูฟ่า คัพ ได้ตกรอบ 32 ทีมสุดท้าย ด้วยน้ำมือของ เบรเมน
📍 ฤดูกาล 2009 – 2010
ฤดูกาลนี้ ในกัลโช เซเรีย อา มิลาน ได้อันดับที่ 3 อีกครั้ง ส่วนใน โคปป้า อิตาเลีย ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายให้กับ อูดิเนเซ และในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยถูก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไล่ถลุงเละเทะ
📍 ฤดูกาล 2010 – 2011
ฤดูกาลนี้ ในศึกกัลโช เซเรีย อา มิลานคว้าแชมป์สมัยที่ 18 มาครองได้สำเร็จ ส่วนใน โกปปาอีตาเลีย ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อ ปาแลร์โม่ และในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อ สเปอร์ส
📍 ฤดูกาล 2011-12
ฤดูกาลนี้ เริ่มต้นด้วยการเอาชนะอินเตอร์ ได้แชมป์ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่า มาครองได้เป็นสมัยที่ 6 ในกัลโช เซเรีย อา มิลาน ได้รองแชมป์ ส่วนใน โกปปาอีตาเลีย ตกรอบรองชนะเลิศ โดยพ่ายต่อ ยูเวนตุส และในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยแพ้ต่อ บาร์เซโลนา เข้าเดิมพันที่ KUBET KUBET777 ไม่มีผิดหวัง
0 Shared
0 Pined
0 Shared
0 Shared