นอริช ซิตี้ สโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศอังกฤษ ซึ่ง ตั้งอยู่ในเมือง นอริช นอร์ฟอล์ก ถึงก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1902 และได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในปี ค.ศ.1972 หลังจากนั้นได้เล่นในลีกสูงสุดถึง 23 ฤดูกาล โดยช่วงที่ยาวนานที่สุดถึง 9 ฤดูกาล นอริช ชนะเลิศถ้วยลีก คัพถึง 2 ครั้ง ในปี 1962 และ 1985 เอฟ เอ ยูธคัพ อีกสองสมัย ในปี 1983 และ 2013 สโมสรเป็นสมาชิกแรกที่ทำการก่อตั้งฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 1992-93 และจบอันดับ 3 และได้เล่นในลีกสูงสุด 3 ฤดูกาลติดต่อกัน เข้าถึงรอบ 3 ฟุตบอลยูฟ่า คัพ นอริชกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก 1 KUBET อีกครั้งในปี 2011 หลังจากหล่นชั้นไป 6 ปี
ประวัติความเป็นมา
นอริช ซิตี้ ผู้ได้รับฉายาในไทยว่า “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” โดยมีประธานสโมสรคือ เดเลีย สมิธ และมีผู้จัดการทีมชื่อ ดานีเอิล ฟาร์เคอ เล่นอยู่ในลีก อีเอฟแอลแชมเปียนชิป สโมสรได้ถูกก่อนตั้งโดยการประชุมกันที่ คริเตเรียน คาเฟ่ (Criterion Cafe) นอริช เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 1902 และจากนั้นก็มีการประชุมย่อยอีกครั้งในวันที่ 2 กรกฎาคม 1902 โดยกลุ่มเพื่อนนำโดยอดีต 3 ผู้เล่นของ นอริช ซีอีวายเอ็มเอส โรเบิร์ต เว็บสเตอร์ , โจเซฟ คาวเปอร์ และ แบรด สเคลลี่
และได้เล่นอย่างเป็นทางการครั้งแรกโดยพบกับ ฮาร์วิชแอนด์พาร์คสตัน ที่สนาม นิวมาร์เก็ต โรด เมื่อวันที่ 6 กันยายน 1902 และในปี 1905 ตามมติของคณะกรรมการเอฟเอ สโมสรก็ได้เปลี่ยนจากสโมสรสมัครเล่นกลายเป็นองค์กรอาชีพ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น สโมสรได้ถูกเลือกให้ลงเล่นใน เซาท์เทิร์น ลีก (Southern League) ประกอบกับผู้ชมที่เข้ามาชมเป็นจำนวนมากทำให้พวกเขาต้องย้ายจากสนาม นิวมาร์เก็ต โรด ไปสู่ สนามเดอะเนสท์ ในปี 1908 ซึ่งเคยเป็นเหมืองหินมาก่อน
ในส่วนของชุดที่ใส่ลงแข่งขันนั้นจะเป็นแถบสี เหลือง และ เขียว แทน และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงที่การแข่งขันฟุตบอลถูกระงับและทางสโมสรได้ประสบกับภาวะหนี้สินจึงทำให้ทางสโมสรต้องเข้าสู่กระบวนการชำระหนี้โดยสมัครใจเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1917
และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1919 ทางสโมสรก็ได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยมีบุคคลสำคัญที่ชื่อ ชาร์ลส์ เฟรเดริก วัตลิ่ง ผู้ซึ่งต่อมาจะได้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองนอริชและเป็นบิดาของประธานสโมสรในอนาคตอย่าง เจฟฟรี่ วัตลิ่ง ในปี 1920 สมาพันธ์ฟุตบอลลีกได้จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชั่น 3 ขึ้นมา นอริชจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันในฤดูกาลนั้น
สนามเหย้าของทีม
ในช่วงปี 1902 – 1908 ทางสโมสร นอริช ซิตี้ ได้ใช้ สนามนิวมาร์เก็ตโรด โดยมีผู้เข้าชม 10,366 คน ในการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบสอง ปี 1908 กับทีมเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ภายหลังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับเงื่อนไขในการเช่าสนาม นิวมาร์เก็ต โรด สโมสรจึงได้ย้ายไปยังรังเหย้าแห่งใหม่ในปี 1908 ที่บริเวณ เหมืองหินชอล์ก เก่าที่ โรซารี่ โรด ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เดอะเนสท์ (รังนก) ในช่วงทศวรรษที่ 1930 สนามเริ่มมีความจุไม่เพียงพอและในปี 1935 สโมสรจึงได้ย้ายมายัง แคร์โรว์โรด ซึ่งเป็นรังเหย้าในปัจจุบัน
ในการก่อสร้างสนามในช่วงแรกนั้นได้ถูกบรรยายว่าเป็นการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองนับตั้งแต่สร้างปราสาทนอริชเลยทีเดียว เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สร้างเพียง 82 วัน และถูกเรียกโดยสโมสรว่าเป็น 8 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1935 เปิดเผยให้เห็นถึงอัฒจันทร์ 3 ด้านที่ไม่มีหลังคา และอีกด้านเป็นอัฒจันทร์มีหลังคา และมีโฆษณาของ โคลแมน มัสตาร์ด พ่นอยู่บนหลังคา ซึ่งมองเห็นได้ทางอากาศเท่านั้น สปอตไลท์ที่ถูกติดตั้งในสนามเมื่อปี 1956 ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 9,000 ปอนด์ เกือบทำให้สโมสรต้องล้มละลาย แต่ความสำเร็จในเอฟเอ คัพ เมื่อปี 1959 ช่วยให้สโมสรมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นและยังสามารถนำไปสร้างหลังคาบนสแตนด์ฝั่งใต้ได้อีกด้วย สแตนด์ฝั่งใต้นี้ได้สร้างใหม่เมื่อปี 2003 มีขนาดความจุ 7,000 ที่นั่ง และตั้งชื่อใหม่ว่า จาร์โรลด์ สแตนด์
ในปี 1963 ได้มีการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพรอบ 6 กับทีมเลสเตอร์วิตี้ จึงทำให้มีผู้เข้าชมสูงถึง 43,984 คน ซึ่งถือว่าสูงมากที่สุดในขณะนั้น แต่ก็ได้เกิดเหตุหายนะที่ ไอบรอกซ์ สเตเดี้ยม Ibrox stadium disaster เมื่อปี 1971 สโมสรจึงต้องมาคำนึงถึงความปลอดภัยทำให้จำนวนความจุของสนาม โดยลดลงเหลือประมาณ 20,000 ที่นั่งเท่านั้นเอง อัฒจันทร์สองชั้นได้ถูกสร้างขึ้นที่ฝั่งริเวอร์เอนด์และในไม่ช้าก็ได้ติดตั้งที่นั่งลงไป ในปี 1979 สนามมีความจุ 28,392 มีที่นั่ง 12,675 ที่
และในปี 1984 ได้เกิดเหตุไฟไหม้จึงทำให้อัฒจันทร์ฝั่งหนึ่งถูกทำลายนำไปสู่การรื้อถอนอย่างสมบูรณ์และถูกแทนที่โดย ซิตี้สแตนต์ ในปี 1987 ซึ่งประธานสโมสร โรเบิร์ต เชส ได้ออกมาบรรยายว่า “หากมาชมการแข่งขันฟุตบอลที่ฝั่งซิตีสแตนด์จะให้ความรู้สึกเหมือนมาดูภาพยนตร์ แตกต่างกันเพียงแค่เวทีจะปกคลุมไปด้วยหญ้าแค่นั้นเอง” หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมที่ ฮิลส์โบโร่ ในปี 1989 และผลที่ตามมาในรายงานของ เทย์เลอร์ (Taylor Report) ในปี 1990 สนามถูกปรับปรุงให้เป็นแบบติดตั้งเก้าอี้หมดทุกพื้นที่ ปัจจุบัน สนามแคร์โรว์โรด KUBET ฝาก ถอน true wallet เป็นที่นั่งทั้งหมดมีความจุ 27,000 ที่นั่ง แนะนำเว็บแทงบอล KUBET นิยมอันดับ 1
ผลงานสร้างชื่อ
💥 ลีก
💥 พรีเมียร์ลีก ได้อันดับ 3 ในปี 1992 – 1993
💥 ลีกดิวิชั่น 2 หรือ แชมป์เปียนชิป ได้แชมป์ ในปี 1971 – 1972, 1985 – 1986, 2003 – 2004, 2018-2019 ได้รองแชมป์ในปี 2010 – 2011
💥 ลีกดิวิชั่น 3 หรือ ลีกวัน ได้แชมป์ในปี 1933 – 1934, 2009-2010 ได้รองแชมป์ 1959 – 1960
💥 บอลถ้วย
💥 เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ ในปี 1959, 1989, 1992
💥 ฟุตบอลลีกคัพ
💥 แชมป์ในปี 1962, 1985
💥 รองแชมป์ในปี 1973, 1975
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
เบอร์เสื้อ | นักเตะ | ตำแหน่ง | สัญชาติ | อายุ |
ผู้รักษาประตู | ||||
1 | ทิม ครูล | ผู้รักษาประตู | เนเธอร์แลนด์ | 32 |
12 | ออร์ยัน นีลันด์ | ผู้รักษาประตู | นอร์เวย์ | 30 |
38 | Daniel Barden | ผู้รักษาประตู | เวลส์ | 20 |
38 | แอสตัน อ็อกซ์โบโร่ | ผู้รักษาประตู | อังกฤษ | 22 |
33 | ไมเคิล แม็คโกเวิร์น | ผู้รักษาประตู | ไอร์แลนด์เหนือ | 36 |
กองหลัง | ||||
5 | Dimitrios Giannoulis | เซ็นเตอร์แบ็ค | กรีซ | 25 |
16 | ซาบี ควินตีย่า | เซ็นเตอร์แบ็ค | สเปน | 24 |
19 | ยาค็อบ ลุนกี้ ซอเรนเซ่น | เซ็นเตอร์แบ็ค | เดนมาร์ก | 22 |
6 | คริสตอฟ ซิมเมอร์มันน์ | เซ็นเตอร์แบ็ค | เยอรมนี | 28 |
34 | เบน กิบสัน | เซ็นเตอร์แบ็ค | อังกฤษ | 28 |
5 | แกรนท์ แฮนลี่ย์ | เซ็นเตอร์แบ็ค | สก็อตแลนด์ | 29 |
26 | บาลี มุมบา | แบ็คขวา | อังกฤษ | 19 |
2 | แม็กซ์ อารอนส์ | แบ็คขวา | อังกฤษ | 21 |
3 | แซม ไบรัม | แบ็คขวา | อังกฤษ | 27 |
กองกลาง | ||||
20 | โอลิเวอร์ สคิปป์ | มิดฟิลด์ตัวรับ | อังกฤษ | 20 |
– | เมลแว็ง ซิตติ | มิดฟิลด์ตัวรับ | ฝรั่งเศส | 21 |
27 | อเล็กซานเดอร์ เท็ตเตย์ | มิดฟิลด์ตัวรับ | นอร์เวย์ | 34 |
14 | ทอดด์ แคนท์เวลล์ | มิดฟิลด์ด้านซ้าย | อังกฤษ | 22 |
8 | มาริโอ วรานซิช | มิดฟิลด์ตัวกลาง | บอสเนียฯ | 31 |
– | โมริตซ์ ไลท์เนอร์ | มิดฟิลด์ตัวกลาง | เยอรมนี | 28 |
23 | เคนนี่ แม็คลีน | มิดฟิลด์ตัวกลาง | สก็อตแลนด์ | 29 |
7 | ลูคัส รุปป์ | มิดฟิลด์ตัวกลาง | เยอรมนี | 30 |
24 | จอช มาร์ติน | ปีกซ้าย | อังกฤษ | 19 |
11 | เพอร์เซมีสลาฟ ปลาเชต้า | ปีกซ้าย | โปแลนด์ | 22 |
25 | โอเนล เอร์นานเดซ | ปีกซ้าย | คิวบา | 28 |
10 | คีแรน โดเวลล์ | มิดฟิลด์ตัวรุก | อังกฤษ | 23 |
18 | มาร์โก สตีเพอร์มันน์ | มิดฟิลด์ตัวรุก | เยอรมนี | 30 |
17 | เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย | ปีกขวา | อาร์เจนตินา | 24 |
กองหน้า | ||||
– | เซบาสเตียน โซโต | กองหน้าตัวเป่า | สหรัฐอเมริกา | 20 |
22 | ทีมู พุกกี้ | กองหน้าตัวเป่า | ฟินแลนด์ | 30 |
– | โยซิป เดอร์มิช | กองหน้าตัวเป่า | สวิสเซอร์แลนด์ | 28 |
35 | อดัม ไอดาห์ | กองหน้าตัวเป่า | ไอร์แลนด์ | 20 |
9 | จอร์แดน ฮูกิลล์ | กองหน้าตัวเป่า | อังกฤษ | 28 |
0 Shared
0 Pined
0 Shared
0 Shared